ขอแนะนำ Places UI Kit: ไลบรารีคอมโพเนนต์ราคาประหยัดที่พร้อมใช้งานซึ่งช่วยให้คุณนำ UI ของ Google Maps ที่คุ้นเคยสำหรับ Places ไปใช้กับแผนที่ใดก็ได้ที่คุณเลือก ลองใช้และ แชร์ความคิดเห็นเพื่อช่วยกำหนดอนาคตของ GMP

หน้านี้ได้รับการแปลโดย Cloud Translation API

องค์ประกอบการเติมข้อความอัตโนมัติพื้นฐานของสถานที่

เลือกแพลตฟอร์ม: Android iOS JavaScript

BasicPlaceAutocompleteElement จะสร้างช่องป้อนข้อความ แสดงการคาดคะเนสถานที่ ในรายการที่เลือกใน UI และแสดงรหัสสถานที่สำหรับสถานที่ที่เลือก

ซึ่งแตกต่างจาก PlaceAutocompleteElement องค์ประกอบการเติมข้อความอัตโนมัติของสถานที่พื้นฐานแบบย่อ จะล้างช่องป้อนข้อมูลเมื่อผู้ใช้เลือกการคาดคะเนสถานที่ และยังแสดงผลออบเจ็กต์ Place ที่มีเฉพาะรหัสสถานที่ แทนที่จะเป็นออบเจ็กต์ PlacePrediction ใช้รหัสสถานที่นี้กับองค์ประกอบ รายละเอียด UI Kit ของ Places เพื่อดูรายละเอียดสถานที่เพิ่มเติม

ข้อกำหนดเบื้องต้น

หากต้องการใช้องค์ประกอบการเติมข้อความอัตโนมัติของสถานที่พื้นฐาน คุณต้องเปิดใช้ "Places UI Kit" ในโปรเจ็กต์ Google Cloud ดูรายละเอียดได้ที่เริ่มต้นใช้งาน

เพิ่มองค์ประกอบการเติมข้อความอัตโนมัติของสถานที่พื้นฐาน

องค์ประกอบการเติมข้อความอัตโนมัติพื้นฐานของสถานที่สร้างช่องป้อนข้อความ แสดงการคาดคะเนสถานที่ในรายการตัวเลือก UI และแสดงรหัสสถานที่เพื่อตอบสนองต่อการเลือกของผู้ใช้โดยใช้เหตุการณ์ gmp-select ส่วนนี้จะแสดงวิธีเพิ่มองค์ประกอบการเติมข้อความอัตโนมัติพื้นฐานลงใน หน้าเว็บหรือแผนที่

เพิ่มองค์ประกอบการเติมข้อความอัตโนมัติพื้นฐานลงในหน้าเว็บ

หากต้องการเพิ่มองค์ประกอบ BasicAutocomplete ลงในหน้าเว็บ ให้สร้าง google.maps.places.BasicPlaceAutocompleteElement ใหม่ แล้วต่อท้าย หน้าตามที่แสดงในตัวอย่างต่อไปนี้

// Request needed libraries.
const {BasicPlaceAutocompleteElement} = await google.maps.importLibrary('places');
// Create the input HTML element, and append it.
const placeAutocomplete = new BasicPlaceAutocompleteElement();
document.body.appendChild(placeAutocomplete);

เพิ่มองค์ประกอบการเติมข้อความอัตโนมัติพื้นฐานลงในแผนที่

หากต้องการเพิ่มองค์ประกอบการเติมข้อความอัตโนมัติพื้นฐานลงในแผนที่ ให้สร้างอินสแตนซ์ BasicPlaceAutocompleteElement ใหม่ ผนวกเข้ากับ div และพุชลงในแผนที่เป็นการควบคุมที่กำหนดเอง ดังที่แสดงในตัวอย่างต่อไปนี้

  const placeAutocomplete = new google.maps.places.BasicPlaceAutocompleteElement();
  placeAutocomplete.id = 'place-autocomplete-input';
  placeAutocomplete.locationBias = center;
  const card = document.getElementById('place-autocomplete-card');
  card.appendChild(placeAutocomplete);
  map.controls[google.maps.ControlPosition.TOP_LEFT].push(card);

จำกัดการคาดคะเนการเติมข้อความอัตโนมัติ

โดยค่าเริ่มต้น การเติมข้อความอัตโนมัติของสถานที่พื้นฐานจะแสดงสถานที่ทุกประเภท โดยจะให้ความสำคัญกับการคาดคะเนที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งของผู้ใช้ ตั้งค่า BasicPlaceAutocompleteElementOptions เพื่อแสดงการคาดการณ์ที่เกี่ยวข้องมากขึ้น โดยการจำกัดหรือเอนเอียงผลลัพธ์

การจำกัดผลลัพธ์จะทำให้องค์ประกอบการเติมข้อความอัตโนมัติพื้นฐานไม่สนใจผลลัพธ์ใดๆ ที่อยู่นอกพื้นที่จำกัด แนวทางปฏิบัติทั่วไปคือการจำกัดผลลัพธ์ให้อยู่ในขอบเขตของแผนที่ การเอนเอียงผลการค้นหา จะทำให้องค์ประกอบ BasicAutocomplete แสดงผลการค้นหาภายในพื้นที่ที่ระบุ แต่ผลการค้นหาที่ตรงกันบางรายการอาจอยู่นอกพื้นที่นั้น

หากคุณไม่ได้ระบุขอบเขตหรือวิวพอร์ตของแผนที่ API จะพยายามตรวจหาตำแหน่งของผู้ใช้จากที่อยู่ IP และจะให้ผลลัพธ์ที่เอนเอียงไปยังตำแหน่งนั้น กำหนดขอบเขตทุกครั้งที่ เป็นไปได้ ไม่เ��่นนั้น ผู้ใช้แต่ละรายอาจได้รับการคาดการณ์ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ การระบุวิวพอร์ตที่เหมาะสมยังช่วยปรับปรุงการคาดการณ์โดยทั่วไปได้ด้วย เช่น วิวพอร์ตที่คุณตั้งค่าโดยการเลื่อนหรือซูมในแผนที่ หรือวิวพอร์ตที่นักพัฒนาแอปตั้งค่าโดยอิงตามตำแหน่งและรัศมีของอุปกรณ์ เมื่อไม่มีรัศมี ระบบจะถือว่า 5 กม. เป็นค่าเริ่มต้นที่เหมาะสมสำหรับองค์ประกอบการเติมข้อความอัตโนมัติของสถานที่พื้นฐาน อย่าตั้งวิวพอร์ตที่มีรัศมีเป็น 0 (จุดเดียว) วิวพอร์ตที่มีขนาดเพียงไม่กี่เมตร (น้อยกว่า 100 ม.) หรือวิวพอร์ตที่ครอบคลุมทั่วโลก

จำกัดการค้นหาสถานที่ตามประเทศ

หากต้องการจำกัดการค้นหาสถานที่ให้เป็นประเทศใดประเทศหนึ่งหรือหลายประเทศ ให้ใช้พร็อพเพอร์ตี้ includedRegionCodes เพื่อระบุรหัสประเทศตามที่แสดงในข้อมูลโค้ดต่อไปนี้

const pac = new google.maps.places.BasicPlaceAutocompleteElement({
  includedRegionCodes: ['us', 'au'],
});

จำกัดการค้นหาสถานที่ให้อยู่ในขอบเขตของแผนที่

หากต้องการจำกัดการค้นหาสถานที่ให้อยู่ในขอบเขตของแผนที่ ให้ใช้พร็อพเพอร์ตี้ locationRestrictions เพื่อเพิ่มขอบเขต ดังที่แสดงในข้อมูลโค้ดต่อไปนี้

const pac = new google.maps.places.BasicPlaceAutocompleteElement({
  locationRestriction: map.getBounds(),
});

เมื่อจำกัดขอบเขตของแผนที่ โปรดเพิ่ม Listener เพื่ออัปเดตขอบเขตเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

map.addListener('bounds_changed', () => {
  autocomplete.locationRestriction = map.getBounds();
});

หากต้องการนำ locationRestriction ออก ให้ตั้งค่าเป็น null

ให้น้ำหนักพิเศษกับผลการค้นหาสถานที่

เอนเอียงผลการค้นหาสถานที่ไปยังพื้นที่วงกลมโดยใช้พร็อพเพอร์ตี้ locationBias และ ส่งรัศมี ดังที่แสดงที่นี่

const autocomplete = new google.maps.places.BasicPlaceAutocompleteElement({
  locationBias: {radius: 100, center: {lat: 50.064192, lng: -130.605469}},
});

หากต้องการนำ locationBias ออก ให้ตั้งค่าเป็น null

จำกัดผลการค้นหาสถานที่ให้แสดงเฉพาะบางประเภท

จำกัดผลการค้นหาสถานที่ให้แสดงเฉพาะสถานที่บางประเภทโดยใช้พร็อพเพอร์ตี้ includedPrimaryTypes และระบุประเภทอย่างน้อย 1 ประเภท ดังที่แสดงที่นี่

const autocomplete = new google.maps.places.BasicPlaceAutocompleteElement({
  includedPrimaryTypes: ['establishment'],
});

ดูรายการประเภทที่รองรับทั้งหมดได้ที่ ตารางประเภทสถานที่ A และ B

กำหนดค่าองค์ประกอบคำขอสถานที่

เพิ่ม Listener เพื่ออัปเดตองค์ประกอบ Place Request เมื่อผู้ใช้เลือกการคาดคะเน

// Add the listener to update the Place Request element when the user selects a prediction
autocompleteElement.addEventListener('gmp-select', async (event) => {
    const placeDetailsRequest = document.querySelector('gmp-place-details-place-request');
    placeDetailsRequest.place = event.place.id;
});index.js

ตัวอย่างนี้แสดงวิธีเพิ่มองค์ประกอบการเติมข้อความอัตโนมัติพื้นฐานลงในแผนที่ Google

JavaScript

const mapContainer = document.getElementById("map-container");
const autocompleteElement = document.querySelector('gmp-basic-place-autocomplete');
const detailsElement = document.querySelector('gmp-place-details-compact');
const mapElement = document.querySelector('gmp-map');
const advancedMarkerElement = document.querySelector('gmp-advanced-marker');
let center = { lat: 40.749933, lng: -73.98633 }; // New York City
async function initMap() {
    //@ts-ignore
    const { BasicPlaceAutocompleteElement, PlaceDetailsElement } = await google.maps.importLibrary('places');
    //@ts-ignore
    const { AdvancedMarkerElement } = await google.maps.importLibrary('marker');
    //@ts-ignore
    const { LatLngBounds } = await google.maps.importLibrary('core');
    // Set the initial map location and autocomplete location bias
    mapElement.center = center;
    autocompleteElement.locationBias = center;
    // Get the underlying google.maps.Map object to add listeners
    const map = mapElement.innerMap;
    // Add the listener tochange locationBias to locationRestriction when the map moves
    map.addListener('bounds_changed', () => {
        autocompleteElement.locationBias = null;
        autocompleteElement.locationRestriction = map.getBounds();
        console.log("bias changed to restriction");
    });
    // Add the listener to update the Place Request element when the user selects a prediction
    autocompleteElement.addEventListener('gmp-select', async (event) => {
        const placeDetailsRequest = document.querySelector('gmp-place-details-place-request');
        placeDetailsRequest.place = event.place.id;
    });
    // Add the listener to update the marker when the Details element loads
    detailsElement.addEventListener('gmp-load', async () => {
        const location = detailsElement.place.location;
        detailsElement.style.display = "block";
        advancedMarkerElement.position = location;
        advancedMarkerElement.content = detailsElement;
        if (detailsElement.place.viewport) {
            map.fitBounds(detailsElement.place.viewport);
        }
        else {
            map.setCenter(location);
            map.setZoom(17);
        }
    });
}
initMap();index.js

CSS

html,
body {
  height: 100%;
  margin: 0;
  padding: 0;
}

#map-container {
  display: flex;
  flex-direction: row;
  height: 100%;
}

#gmp-map {
  height: 100%;
}

gmp-basic-place-autocomplete {
  position: absolute;
  height: 50px;
  top: 10px;
  left: 10px;
  z-index: 1;
  box-shadow: 2px 2px 5px 0px rgba(0,0,0,0.2); 
  color-scheme: light;
  border-radius: 10px;
}

gmp-place-details-compact {
  width: 360px;
  max-height: 300px;
  border: none;
  padding: 0;
  margin: 0;
  position: absolute;
  transform: translate(calc(-180px), calc(-215px)); 
  box-shadow: 2px 2px 5px 0px rgba(0,0,0,0.2); 
  color-scheme: light;
}

/* This creates the pointer attached to the bottom of the element. */
gmp-place-details-compact::after {
  content: "";
  position: absolute;
  top: 100%;
  left: 50%;
  transform: translateX(-50%);
  width: 0;
  height: 0;
  border-left: 16px solid transparent;
  border-right: 16px solid transparent;
  border-top: 20px solid var(--gmp-mat-color-surface, light-dark(white, black));
}style.css

HTML

<html>
  <head>
    <title>Place Autocomplete map</title>

    <link rel="stylesheet" type="text/css" href="./style.css" />
    <script type="module" src="./index.js"></script>
  </head>
  <body>
   <div id="map-container">
      <gmp-basic-place-autocomplete></gmp-basic-place-autocomplete>
      <gmp-place-details-compact orientation="horizontal">
        <gmp-place-details-place-request></gmp-place-details-place-request>
        <gmp-place-all-content></gmp-place-all-content>
      </gmp-place-details-compact>
      <gmp-map zoom="14" map-id="DEMO_MAP_ID">
         <gmp-advanced-marker></gmp-advanced-marker> 
      </gmp-map>
    </div>

    <!-- prettier-ignore -->
    <script>(g=>{var h,a,k,p="The Google Maps JavaScript API",c="google",l="importLibrary",q="__ib__",m=document,b=window;b=b[c]||(b[c]={});var d=b.maps||(b.maps={}),r=new Set,e=new URLSearchParams,u=()=>h||(h=new Promise(async(f,n)=>{await (a=m.createElement("script"));e.set("libraries",[...r]+"");for(k in g)e.set(k.replace(/[A-Z]/g,t=>"_"+t[0].toLowerCase()),g[k]);e.set("callback",c+".maps."+q);a.src=`https://maps.${c}apis.com/maps/api/js?`+e;d[q]=f;a.onerror=()=>h=n(Error(p+" could not load."));a.nonce=m.querySelector("script[nonce]")?.nonce||"";m.head.append(a)}));d[l]?console.warn(p+" only loads once. Ignoring:",g):d[l]=(f,...n)=>r.add(f)&&u().then(()=>d[l](f,...n))})
        ({key: "AIzaSyA6myHzS10YXdcazAFalmXvDkrYCp5cLc8", v: "weekly"});</script>
  </body>
</html>index.html

ลองใช้ตัวอย่าง

JSFiddle.net